ประสบการณ์ของผู้เขียน

เพื่อนของผมเทรดฟอเร็กซ์และทองคำมาเป็นเวลาห้าปีแล้ว บางครั้งรู้สึกว่าการศึกษาไม่มีที่สิ้นสุด และการย้อนกลับคือฝั่ง ที่ฮาฮา ก่อนที่จะมาเทรดฟอเร็กซ์ ผมเคยทำหุ้น มีประสบการณ์มากว่าสิบปี ครั้งหนึ่งบัญชีของผมมีการเติบโตขึ้นสิบเท่าช่วงปี 2007 แต่ในปี 2008 กลับมีสถานการณ์ที่แย่ลงเหลือน้อยกว่า 10% ปี 2008 ถึง 2009 ประเทศได้เริ่มลงทุน 4 ล้านล้านบาท บัญชีของผมก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นอีกสี่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลดลง รวมๆ ก็ขาดทุนจากการลงทุน ผมชอบทำงานกับหุ้นที่มีแนวโน้มขึ้นๆ ลงๆ จึงทำให้มีความเสี่ยงสูง ตลาดหุ้นมักไม่ตรงกับพื้นฐาน (ธนาคารกลางจีนได้พิมพ์เงินจำนวนมหาศาลในช่วงเวลานั้น และกลายเป็นธนาคารกลางที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ตลาดหุ้นก็ยังหลุดลงไปเรื่อยๆ ตลาดหุ้นจีนถือเป็นตลาดที่มีนโยบายและเงินลงทุน) ทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ ตอนนี้ผมจึงไม่ทำหุ้นแล้ว

เริ่มต้นกับฟอเร็กซ์

ในปี 2010 ผมได้เปิดบัญชีฟอเร็กซ์ขนาดเล็กในโอกาสอันเป็นบังเอิญ ครั้งแรกที่ได้เล่น T+0 และใช้เลเวอเรจ ผมก็ถูกดึงดูดเข้ามาในโลกนี้ทันทีจึงได้หยุดเล่นหุ้นระยะสั้นและทำเพียงหุ้นหลัก (เพราะคิดว่ามีโอกาส เนื่องจากประเทศดำเนินการหลายครั้งกับการลงทุน 4 ล้านล้าน) เก็บระยะยาวไว้สามปีเมื่อถึงจุดที่ต้องการใช้เงิน หุ้นของผมขาดทุนกว่า 30% จึงตัดสินใจขายทั้งหมด ตอนนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ในการเล่นทองคำฟอเร็กซ์

วางแผนการเทรด

ตอนเริ่มต้น ผมได้เคยลองสูญเสียไปสองครั้งที่ 100 บาท เมื่อเริ่มเข้าใจวิธีการทำเมื่อครั้งที่สามจึงได้ฝากเงิน 1000 บาท และตั้งกฎให้กับตัวเองว่า: ทองคำ + ซื้อซ้ำ + สัดส่วน 1/20 + ไม่เพิ่มตำแหน่ง + ตั้งหยุดการขาดทุน 100 จุด + ทำการเทรดระยะสั้นในหนึ่งวัน + ประมาณสองสามตำแหน่ง ปี 2010 ทองคำเริ่มมีแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นหลังจากห้าเดือน บัญชีของผมจึงเติบโตขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่า ในตอนนั้นความมั่นใจพุ่งสูงขึ้น ความคาดหวังจึงเพิ่มขึ้น ผมต้องการพัฒนาทักษะให้เร็วขึ้น จึงได้อ่านหนังสือหลายเล่มและดาวน์โหลดแนวคิดการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ผมทำผิดพลาดอย่างมหัศจรรย์ เมื่อลอกเลียนแบบระบบการเทรดของผู้เชี่ยวชาญและปฏิเสธระบบการเทรดของตัวเอง ผลคือเกิดการขาดทุนครั้งแล้วครั้งเล่า บัญชีของผมแทบจะควบคุมไม่ได้ บางครั้งก็รู้สึกว่ามันตลกดี เมียผมยังเคยล้อว่า คุณอ่านหนังสือบ่อย (ขาดทุน) ถ้าไม่ขาดทุนก็คงแปลก

เรียนรู้จากความผิดพลาด

ในครึ่งหลังของปี 2014 ผมกลับไปยังระบบการเทรดของตัวเองอีกครั้ง บัญชีเริ่มเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และความมั่นใจก็กำลังฟื้นตัวจากการขาดทุนมากมาย ดังนั้นตอนนี้จึงคิดว่าระบบการเทรดของผู้เชี่ยวชาญทุกคน ไม่ว่าจะสมบูรณ์แบบแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นต้องเหมาะสมกับตัวเอง การเรียนรู้ก็คือสิ่งที่คุณพูดว่า “คุณจงเข้าใจด้วยตัวเองเถอะ” “คุณจงค้นหาด้วยตัวเองเถอะ” จากนั้นจึงพัฒนาระบบการเทรดของตัวเองต่อไป

ผู้เขียน: ผู้ฟังตลาด