การค้าขายโดยไม่มีหลักเกณฑ์

นักเทรดมักทำการซื้อขายแบบไม่มีหลักเกณฑ์ ใช้ความรู้สึกหรืออารมณ์ในการเทรด หรือบางครั้งแค่เพราะราคาตกนานๆ ดูเหมือนถูก หรือราคาขึ้นนานๆ ดูเหมือนจะตก สุดท้ายก็เจอรอยลึกจากการทุ่มเงินเข้าไปสูงเกินไปเมื่อพยายามหาจุดต่ำสุดและสูงสุดบ่อยเกินไป

เทรดตามกระแส

เราเห็นนักเทรดมืออาชีพบอกมาตลอดว่าให้เทรดตามกระแส แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้เทรดตามกระแสได้? บ่อยครั้ง กระแสขาลงได้ลงไปลึกเกินไปแล้ว แต่เรายังเข้าใจว่ามันเป็นการปรับตัวของกระแสขาขึ้นอย่างมากจนกว่ามันจะตกลงมาในที่สุด

การตัดสินใจแบบถูกจังหวะ

เมื่อราคาตกลงมากเกินไป เราเริ่มเชื่อว่าตอนนี้เป็นกระแสขาลง ดังนั้นเราจึงเข้าสู่การขาย ซึ่งส่งผลให้เราพลาดจังหวะและซื้อที่ราคาร่วงสูง ทำให้ขาดทุนอีกครั้งหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้จึงต้องการให้เทรดตามแนวโน้มเพื่อทำการประเมินให้ถูกจังหวะเสียก่อน

การรับรู้การกลับตัวของแนวโน้ม

มีข้อควรจำหนึ่งคือ ระยะเวลาที่ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มจะมากกว่าความอดทนของเราเสมอ เรามักเห็นราคาตกลงไปหลายรอบและคิดว่ามันถึงจุดต่ำสุดแล้ว ยกตัวอย่างว่าเราจะต้องการซื้อเพื่อทำกำไร แต่ผลสุดท้ายก็ยังติดอยู่กลางทาง

ลักษณะของแนวโน้ม

การตัดสินใจเกี่ยวกับการกลับตัวของแนวโน้ม ควรเป็นไปตามลักษณะของแนวโน้มเอง แนวโน้มในกรณีของการลดราคาจะมีลักษณะ 1. ราคาจะมีการเคลื่อนที่ต่ำกว่าลูกคลื่นก่อนหน้า 2. ราคาจะมีการเคลื่อนที่ในช่องทางการลงราคาที่แน่นอน

การซื้อขายหลังจากการกลับตัวของแนวโน้ม

หากราคาขึ้นได้ทำลายจุดสูงสุดของราคาล่าสุดในช่วงการกลับตัวและทำลายเส้นทางการลดราคาหรือเส้นแนวโน้มขาลง เราสามารถยืนยันได้ว่านี่คือการกลับตัวของแนวโน้ม!

การจัดการกับการลงทุน

สิ่งที่เราต้องทำคือ ปิดการขายในมือของเราและรอโอกาสที่จะเข้าซื้อ และต้องรักษา การไปลงทุนในขาขึ้นจนกว่าจะมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่ากระแสกลับตัวแล้ว! ต้องบอกว่าไม่มีวิธีไหนที่ถูกต้อง 100% ดังนั้นการใช้ Stop Loss ยังคงจำเป็นเสมอ

วิธีการส่วนบุคคลและการศึกษาต่อ

ทั้งหมดนี้พูดถึงวิธีการหลักและหลักการใหญ่ แต่ยังมีความละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ต้องไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น วิธีการวาดช่องราคา อาจมีหลายวิธีที่แตกต่างกัน และวิธีที่ถูกต้องก็มีเพียงวิธีเดียว

หมายเหตุเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ

เมื่อแนวโน้มวิ่งไปยังคลื่นหลักอยู่ในช่วง 5 คลื่นหรือน้อยกว่า จุดสูงสุดก่อนหน้าเรียกว่าจุดสูงสุดของคลื่นหลัก และเมื่อแนวโน้มดำเนินต่อไปในระดับ 5 คลื่นหรือมากกว่า จุดสูงสุดก่อนหน้าจึงถูกกำหนดว่าเป็นจุดสูงสุดของคลื่นลูกย่อย อย่างไรก็ตาม ต้องจับคู่กับการทำลายของช่องทางหรือเส้นแนวโน้มด้วย