โอกาสการซื้อขายอนุญาโตตุลาการในตลาดฟอเร็กซ์: เคล็ดลับและกลยุทธ์
ผู้เขียน:   2024-10-21   คลิ:6

โอกาสการทำกำไรจากการอาร์บิทราจในตลาดฟอเร็กซ์

1. การอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยม (Triangular Arbitrage)

การอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยมเป็นหนึ่งในโอกาสที่พบได้บ่อยที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความไม่สอดคล้องกันระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนของ 3 คู่สกุลเงิน เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงและอัตราแลกเปลี่ยนผ่านครอสเรทของสกุลเงิน 3 สกุลไม่ตรงกัน นักเทรดสามารถทำการอาร์บิทราจเพื่อทำกำไรได้

a. กระบวนการทำอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยม

การอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยมมีขั้นตอนดังนี้:

  • ซื้อสกุลเงิน A และขายสกุลเงิน B
  • เปลี่ยนจากสกุลเงิน B เป็นสกุลเงิน C
  • เปลี่ยนจากสกุลเงิน C กลับมาเป็นสกุลเงิน A

ตัวอย่าง:

สมมติว่าในตลาดมีอัตราแลกเปลี่ยนดังนี้:

  • EUR/USD = 1.20
  • USD/JPY = 110.00
  • EUR/JPY = 132.00

หากคำนวณอัตราครอสเรทของ EUR/JPY ผ่าน EUR/USD และ USD/JPY จะได้:

1.20 × 110.00 = 132.00

แต่ถ้าในตลาด EUR/JPY มีราคาอยู่ที่ 131.00 นักเทรดสามารถใช้โอกาสนี้ในการทำอาร์บิทราจ:

  1. แลกเปลี่ยนยูโรเป็นดอลลาร์ที่ราคา 1.20
  2. แลกเปลี่ยนดอลลาร์เป็นเยนที่ราคา 110.00
  3. แลกเปลี่ยนเยนกลับเป็นยูโรที่ราคา 131.00

กระบวนการนี้ช่วยให้นักเทรดทำกำไรจากความไม่สอดคล้องของอัตราแลกเปลี่ยน

b. เงื่อนไขการทำอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยม

โอกาสในการทำอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยมเป็นผลมาจากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด ซึ่งมักมีอยู่เพียงชั่วคราว ด้วยความก้าวหน้าของการซื้อขายด้วยอัลกอริทึม โอกาสนี้ลดน้อยลง แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง

2. การอาร์บิทราจจากอัตราดอกเบี้ย (Carry Trade)

การอาร์บิทราจจากอัตราดอกเบี้ยเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศต่างๆ นักเทรดจะยืมสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและลงทุนในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อทำกำไรจากความแตกต่างนี้

a. กระบวนการทำ Carry Trade

มีขั้นตอนดังนี้:

  • ยืมสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เช่น เยน หรือฟรังก์สวิส)
  • ซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือดอลลาร์นิวซีแลนด์)

นอกจากกำไรจากดอกเบี้ยแล้ว นักเทรดยังสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย

ตัวอย่าง:

สมมติว่าอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นคือ 0.1% และในออสเตรเลียคือ 2.5% นักเทรดสามารถยืมเงินในเยนและซื้อดอลลาร์ออสเตรเลีย ทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย 2.4% (2.5% - 0.1%) นอกจากนี้ หากดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น นักเทรดยังสามารถทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อีก

b. ความเสี่ยงในการทำ Carry Trade

แม้ว่าการทำ Carry Trade สามารถทำกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยได้ แต่ก็มีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หากสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงอ่อนค่าลง นักเทรดอาจขาดทุนได้ ดังนั้น การพิจารณาความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งสำคัญ

3. การอาร์บิทราจระหว่างตลาดสปอตและฟิวเจอร์ส (Spot-Futures Arbitrage)

การอาร์บิทราจระหว่างตลาดสปอตและฟิวเจอร์สเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างระหว่างราคาของสกุลเงินในตลาดสปอตและตลาดฟิวเจอร์ส ในทางทฤษฎี ราคาสปอตและราคาฟิวเจอร์สควรจะสอดคล้องกัน แต่ในบางกรณี ราคาทั้งสองอาจเกิดความแตกต่างเนื่องจากอุปสงค์และอุปทาน หรือความผันผวนของตลาด

a. กระบวนการทำอาร์บิทราจระหว่างสปอตและฟิวเจอร์ส

มีขั้นตอนดังนี้:

  • ซื้อสกุลเงินในตลาดสปอต
  • ขายสัญญาฟิวเจอร์สของสกุลเงินเดียวกันในตลาดฟิวเจอร์ส
  • เมื่อราคาทั้งสองตลาดใกล้เคียงกัน นักเทรดสามารถปิดสถานะเพื่อทำกำไร

ตัวอย่าง:

หากราคาสปอตของยูโรอยู่ที่ 1.2000 ในขณะที่ราคาฟิวเจอร์สอยู่ที่ 1.2050 นักเทรดสามารถซื้อยูโรในตลาดสปอตและขายในตลาดฟิวเจอร์ส เมื่อราคาทั้งสองตลาดปรับเข้าหากัน นักเทรดสามารถทำกำไรจากส่วนต่างได้

b. เงื่อนไขการทำอาร์บิทราจระหว่างสปอตและฟิวเจอร์ส

โอกาสในการทำอาร์บิทราจแบบนี้มักพบในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ หรือในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง นักเทรดต้องตรวจจับความแตกต่างของราคาและทำการซื้อขายอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียโอกาสจากการปรับตัวของราคา

4. การอาร์บิทราจระหว่างตลาดต่างๆ (Inter-Market Arbitrage)

การอาร์บิทราจระหว่างตลาดต่างๆ คือการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ต่างกัน เช่น ตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ความแตกต่างของราคาที่เกิดขึ้นระหว่างตลาดและแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถสร้างโอกาสในการทำอาร์บิทราจได้

a. กระบวนการทำอาร์บิทราจระหว่างตลาด

มีขั้นตอนดังนี้:

  • ซื้อสกุลเงินในตลาดหนึ่งที่มีราคาต่ำกว่า
  • ขายสกุลเงินในอีกตลาดหนึ่งที่มีราคาสูงกว่า

ตัวอย่าง:

สมมติว่า EUR/USD ในตลาดลอนดอนมีราคา 1.2000 แต่ในตลาดนิวยอร์กมีราคา 1.2010 นักเทรดสามารถซื้อในลอนดอนและขายในนิวยอร์กเพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง 10 จุด

b. ความเสี่ยงของการทำอาร์บิทราจระหว่างตลาด

แม้ว่าการอาร์บิทราจระหว่างตลาดจะถูกมองว่าเป็นการทำกำไรที่ไม่มีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความผันผวนของตลาด ความล่าช้าในการดำเนินคำสั่งซื้อขาย หรือสภาพคล่องที่ต่ำ นอกจากนี้ ต้นทุนการซื้อขายระหว่างแพลตฟอร์ม เช่น สเปรดและค่าคอมมิชชั่น อาจส่งผลต่อกำไรสุทธิของนักเทรด

5. การอาร์บิทราจจากค่า Swap (Swap Arbitrage)

การอาร์บิทราจจากค่า Swap เป็นการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของอัตรา Swap ในคู่สกุลเงินต่างๆ อัตรา Swap ถูกกำหนดโดยความต้องการซื้อขายของตลาด นักเทรดสามารถทำกำไรโดยการซื้อคู่สกุลเงินที่มีค่า Swap ต่ำและขายคู่ที่มีค่า Swap สูง

a. กระบวนการทำอาร์บิทราจจากค่า Swap

มีขั้นตอนดังนี้:

  • ค้นหาคู่สกุลเงินที่มีค่า Swap แตกต่างกัน
  • ซื้อคู่สกุลเงินที่มีค่า Swap ต่ำและขายคู่ที่มีค่า Swap สูง
  • ทำกำไรจากส่วนต่างของค่า Swap ในขณะที่ถือสถานะไว้

ตัวอย่าง:

สมมติว่า EUR/USD มีค่า Swap บวกสำหรับการถือสถานะซื้อ (Long) นักเทรดสามารถซื้อยูโรและถือไว้เพื่อรับค่า Swap จากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างยูโรโซนและสหรัฐอเมริกา

b. ความเสี่ยงของการทำอาร์บิทราจจากค่า Swap

การทำอาร์บิทราจจากค่า Swap มีความเสี่ยงต่ำ แต่นักเทรดยังคงต้องพิจารณาความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด หากอัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อกำไรที่คาดหวัง นอกจากนี้ ต้นทุนการซื้อขายก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง

6. การอาร์บิทราจด้วยอัลกอริทึม (Algorithmic Arbitrage)

ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยี การอาร์บิทราจด้วยอัลกอริทึมกลายเป็นหนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงในตลาดฟอเร็กซ์ นักเทรดสามารถเขียนโปรแกรมอัลกอริทึมเพื่อตรวจจับความแตกต่างของราคาในตลาดและทำการซื้อขายอัตโนมัติ วิธีนี้มีความรวดเร็วและแม่นยำมาก เหมาะสำหรับการจับโอกาสที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เมื่อราคามีความไม่สอดคล้องกัน

a. ข้อดีของการอาร์บิทราจด้วยอัลกอริทึม

การใช้โปรแกรมอัลกอริทึมมีข้อดีหลายประการ เช่น:

  • การซื้อขายอัตโนมัติ: โปรแกรมสามารถตรวจจับและดำเนินการซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์
  • ความเร็วสูง: อัลกอริทึมสามารถดำเนินการซื้อขายได้ภายในระยะเวลาสั้นที่สุด จับโอกาสที่เกิดจากความแตกต่างของราคาในช่วงเวลาสั้นๆ
  • ความแม่นยำ: โปรแกรมสามารถตรวจสอบหลายตลาดและหลายคู่สกุลเงินพร้อมกัน เพิ่มโอกาสในการจับโอกาสในการทำกำไร

b. ข้อจำกัดของการอาร์บิทราจด้วยอัลกอริทึม

แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่อัลกอริทึมก็มีข้อจำกัด เช่น:

  • ความต้องการทางเทคนิค: การเขียนและบำรุงรักษาอัลกอริทึมต้องการความรู้ด้านเทคนิคสูง
  • ต้นทุนการซื้อขายสูง: การซื้อขายที่มีความถี่สูงอาจทำให้ต้นทุนการซื้อขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงค่า Slippage และความล่าช้าในการดำเนินการซื้อขาย

การทำอาร์บิทราจในตลาดฟอเร็กซ์เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในตลาดเพื่อทำกำไร โดยมีความเสี่ยงต่ำหรือไม่มีความเสี่ยงเลย ไม่ว่าจะเป็นการอาร์บิทราจแบบสามเหลี่ยม การอาร์บิทราจจากอัตราดอกเบี้ย หรือการอาร์บิทราจระหว่างตลาด นักเทรดจำเป็นต้องตรวจจับโอกาสและดำเนินการซื้อขายในเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้การทำอาร์บิทราจจะถือเป็นการทำกำไรที่ปลอดภัย แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ความล่าช้าในการดำเนินการ และต้นทุนการซื้อขายที่อาจส่งผลต่อกำไรสุดท้าย

เปิดบัญชีกับ
โบรกเกอร์ Dupoin

สมัครสมาชิกกับเรา ผ่านโบรกเกอร์ Dupoin

**สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด สำหรับสมาชิกเท่านั้น!!

เกี่ยวกับเรา

ติดต่อเรา

เรื่องที่น่ารู้

Cnatrainingtips คือเว็บไซต์ที่มุ่งแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตทันทุกการเคลื่อนไหวของตลาด

เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือระดมทุน เราเป็นเพียงสื่อกลางที่มุ่งแบ่งปันความรู้เท่านั้น

**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกชนิดมีความเสี่ยง นักลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนการซื้อขาย**

ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Cnatrainingtips

ติดต่อทางอีเมล: [email protected]

ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:

ลิขสิทธิ์ © 2024 Cnatrainingtips สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

เรามุ่งมั่นในการนำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง ข้อมูลทั้งหมดไม่มีเจตนาชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำในการลงทุน